กระเจี๊ยบเขียว พันธุ์ดีมีคุณภาพต่อความต้องการของตลาดส่งออก
NEWS & EVENT
Bhalsar international
กระเจี๊ยบเขียวช้าง 759 F1 พันธุ์ดีมีคุณภาพต่อความต้องการของตลาดส่งออก |
กระเจี๊ยบเขียว(Abelmoschus esculentus (L.) Moench) เป็นผักที่ปลูกได้ตลอดปีในประเทศไทย อุณหภูมิที่เหมาะสมแก่การปลูกและเติบโต คือ 20-30 องศาเซลเซียส เจริญเติบโตได้ดีในดินเกือบทุกชนิด แต่ไม่ชอบดินที่มีน้ำขังแฉะ ระบายน้ำยากหรือดินที่มีความเป็นกรดจัด พีเอสที่เหมาะสมแก่การปลูกกระเจี๊ยบเขียวควรอยู่ระหว่าง 6.0-6.8
กระเจี๊ยบเขียวเป็นหนึ่งในพืชที่นิยมบริโภคทั่วโลก ซึ่งใครๆคาดไม่ถึง ผู้ส่งออกกระเจี๊ยบเขียวอันดับต้นๆของโลก ได้แก่ อินเดีย กว่า 11,000 shipments ตามด้วยฮอนดูรัส และกัวเตมาลา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการส่งออกกระเจี๊ยบแช่แข็ง ส่วนประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกกระเจี๊ยบฝักสด อันดับ 1 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปยังประเทศญี่ปุ่นและตะวันออกกลาง
|
|
|
|
|
|
เกษตรกรที่ปลูกกระเจี๊ยบเขียว ส่วนใหญ่จะคัดเลือกสายพันธุ์ที่เป็นความต้องการของตลาด เช่น พันธุ์ช้าง 759 ที่มีลักษณะที่เป็นที่ต้องการ มีตลาดรองรับ มีการรับประกันราคา มีมาตรฐานสินค้าพืชอาหารปลอดภัยที่เป็นที่ต้องการของตลาดฝักสดและแช่แข็ง ได้แก่ |
|
|
- ฝักมีสีเขียวเข้ม
- มี 5 เหลี่ยม
- ความยาวผล 8-12 ซม.
- มีความต้านทานต่อโรค ไวรัสใบด่าง (YVMV) และใบหงิก (ELCV)
- ลักษณะต้น ข้อสั้น แตกแขนงดี
- ผลผลิตสูง
- เก็บฝักได้ต่อเนื่องทุกวัน
|
|
|
บริษัท พัลซาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นผู้นำด้านการผลิตสายพันธุ์ให้แก่บริษัทผู้ส่งออกมามากกว่า 10 ปี |